ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่  นายเอกลักษณ์  ช่วยชิด
ได้นั่งซ้อนท้ายรถ จยย. ซึ่งมีเพื่อนเป็นผู้ขับขี่ไปตามถนนสายโคกชะงาย - เขาเจียก  ม.1   ต.เขาเจียก  อ.เมือง  จว.พัทลุง  ได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถ จยย. ประมาณ  4-5  คัน  ตามหลังมาประกบ  หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง  ถูกนายเอกลักษณ์ฯ กระสุนปืนโดนบริเวณที่ศีรษะ  จำนวน 1 นัด  เป็นเหตุให้  นายเอกลักษณ์ฯ ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.พัทลุง  และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป  สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องโกรธแค้นเรื่องส่วนตัว  ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป             

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ นายชัยพันธ์ หรือเอียด
ดำชูพราย  ขับขี่รถ จยย. ไปตามถนนซอย 7  เส้น  บ้านทุ่งลานโย  ม.9  ต.บ้านพร้าว  อ.ป่าพะยอม  จว.พัทลุง  ถูกคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวน  ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด  ยิงนายชัยพันธ์ฯ  ที่บริเวณศีรษะ จำนวน 2  นัด  ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป  จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกพันด้วยผ้าเทปสีดำ จำนวน 2 เม็ด  ตกอยู่บนถนนใกล้รถจยย.ของผู้ตาย ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

เตามวันเวลาที่เกิดเหตุ. ขณะที่   นางนิสากร  ทองศรี  ขับขี่รถ จยย.โดยมี นางหทัยรัตน์  แซ่ฮ่อ นั่งซ้อนท้าย ไปตามถนนสายสมพรอุทิศ 1  ม.1  ต.แม่ขรี  อ.ตะโหมด
จว.พัทลุง เมื่อขับขี่มาถึงที่เกิดเหตุ  ได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวน  2  คน  ขับขี่รถ จยย. ตามหลังมา 
แล้วคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิง   นางนิสากรฯ และนางหทัยรัตน์  แซ่ฮ่อ  ประมาณ  3-4  นัด  เป็นเหตุให้ นางนิสากรฯ และนางหทัยรัตน์ฯ ได้รับบาดเจ็บ  แล้วคนร้ายได้ขับขี่รถ จยย. หลบหนีไป  และ นางนิสากรฯ ได้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาที่ รพ.ตะโหมด และนางหทัยรัตน์ ฯ ถึงแก่ความตายที่ รพ.ตรัง   ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป   

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่  ตำรวจ  สภ.นาขยาด  ได้รับแจ้งว่าที่บ้านเลขที่  217  ม.6  ต.นาขยาด  อ.ควนขนุน  จว.พัทลุง  มีเหตุฆ่ากันตาย  จึงได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ  พบ น.ส.มนธิดา  เต็มราม  อายุ  32  ปี  บ้านเลขที่ 160  ม.1  ต.ตะแพน  อ.ศรีบรรพต   จว.พัทลุง   สวมเสื้อยืดสีดำ  กางเกงยีนส์ขายาว  ตามร่างกายไม่มีบาดแผล  นอนเสียชีวิตอยู่และพบหมอนอยู่ข้างผู้ตาย  จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า  น.ส.มนธิดาฯ กับ นายอภิญญา  ทิพย์ดี  อายุ  17  ปี  อยู่บ้านเลขที่  217  ม.6  ต.นาขยาด  อ.ควนขนุน  จว.พัทลุง (สามี)  มีเรื่องทะเลาะกันหลังจากนั้นบุคคลทั้งสองได้หยุดทะเลาะกัน   และเห็น  นายอภิญญาฯ ขับขี่รถ จยย. ออกจากบ้านไปหลังเกิดเหตุไป  และในวันเดียวกันเวลาประมาณ  12.10 น. ได้มี  นายอภิญญา  ทิพย์ดี  สามีของผู้ตายได้เข้ามอบตัวกับ  พงส. สภ.นาขยาด  และได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ  ซึ่งจะได้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป   

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ นางเรือน    อินทองแก้ว  ซึ่งเป็นมารดา นางกัลยา  เมืองสง  ได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันภายในบ้านที่เกิดเหตุ  จึงออกมาดูและตะโกนเรียก  นางกัลยาฯ  แต่ไม่มีเสียงตอบจึงได้เปิดประตูเข้าไปภายในห้องพบว่า  นางกัลยาฯ  มีเลือดออกที่บริเวณลำคอ  จึงได้นำส่ง  รพ.พัทลุง  ส่วนนายสวัสดิ์  เมืองสง   ซึ่งเป็นสามี  ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุของ พงส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่วิทยาการจังหวัดพัทลุง  พบอาวุธปืนพกสั้น  ขนาด .38  ทะเบียน  พท 2/3997  ตกอยู่ที่มือด้านขวาของ  นายสวัสดิ์ฯ  ซึ่งจากการตรวจสอบภายในลูกโม่มีกระสุนบรรจุอยู่  จำนวน
4  นัด  และมีปลอกกระสุนปืน  จำนวน 2  ปลอก  และพบหัวกระสุนปืน  ตกอยู่ภายในที่เกิดเหตุ  จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง  และจากการตรวจสอบทะเบียนปืนแล้วปรากฏว่าเป็นอาวุธปืนของ  นายสวัสดิ์ฯ  ซึ่งได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน  จากการสอบสวนญาติแล้ว  นายสวัสดิ์ฯ มีอาการทางประสาท  ประกอบกับภายในห้องที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้  ข้าวของไม่มีการถูกรื้อค้น  จึงเชื่อว่านายสวัสดิ์ฯ ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น  ขนาด .38  ของตนเองยิง นางกัลยาฯ ภรรยา ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายที่ รพ.พัทลุง  ส่วน
นายสวัสดิ์  เมืองสง ได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองถึงแก่ความตายที่บ้านที่เกิดเหตุ 

.   เมื่อวันที่  19  ส.ค. 2552  เวลาประมาณ  03.30  น. ขณะที่   นายกระจ่าง  แก้วจินดา  อายุ  64  ปี  บ้านเลขที่  62  ม.2  ต.เกาะนางคำ  อ.ปากพะยูน  จว.พัทลุง  ได้ขับขี่รถ จยย.  ยี่ห้อ  ซูซูกิ  หมายเลขทะเบียน  ฝ 7858  สงขลา  ออกจากบ้านพร้อมด้วย  นางเถี้ยง  แก้วจินดา  ภรรยา  เพื่อไปกรีดยางพารา  ระหว่างเดินทางได้มีคนร้าย  จำนวน 2  คน ขับขี่รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน  ตามหลังมา  แล้วได้ใช้อาวุธปืนยิง  นายกระจ่างฯ จำนวน  1  นัด  กระสุนปืนถูกที่ศีรษะถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ  แล้วคนร้ายได้หลบหนีไป   เหตุเกิด   ที่ถนนสายท่าวัด- เกาะยวน  ม.2  ต.เกาะนางคำ  อ.ปากพะยูน   ซึ่งจะได้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป             

เมื่อวันที่ 21  ส.ค. 2552  เวลาประมาณ  22.40  น. จนท.ตร.ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกัน
มีผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 24 ม.6  ต.กงหรา  อ.กงหรา  จว.พัทลุง  จนท.ตร.พร้อมด้วย จนท.วิทยาการจังหวัดพัทลุง ได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบ ศพ นายลี้  ช่วยเทศ  อายุ 64  ปี อยู่ บ.31  ม.6  ต.กงหรา
อ.กงหรา จว.พัทลุง  ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ถูกบริเวณด้านหลัง  และจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบ ปลอกกระสุนปืนลูกซอง  จำนวน  5  ปลอก  และหมอนรองกระสุน จำนวน  1 ชิ้น  ตกอยู่ข้างศพ  จึงเก็บไว้เป็นของกลาง  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป  เหตุเกิด  บ้านเลขที่  24  ม.6 ต.กงหรา  อ.กงหรา   จว.พัทลุง  ซึ่งจะได้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป             

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2552  เวลาประมาณ  06.00  น.จนท.ตร.ได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านพบ  ศพนายสมพงศ์  หนูทองแก้ว  อยู่ บ.135  ม.4  ต.ปากพะยูน  จว.พัทลุง  ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำ  ม.4  ต.ปากพะยูน  อ.ปากพะยูน  จว.พัทลุง  และจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุพบรอยเลือดหยดเป็นทางมาจากบ้านเลขที่ 180
ม.4 ต.ปากพะยูน  อ.ปากพะยูน จว.พัทลุง จากการสอบถามทราบว่า เจ้าของบ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้นคือ นายบุญนำพร  แสงมณี  อายุ  46  ปี  ซึ่งมีสติไม่ค่อยสมประกอบ และทราบจากภรรยาของ นายสมพงศ์ ฯว่า ถูกนายบุญนำพร ฯ ฆ่า จึงได้นำตัวผู้ต้องหามายัง สภ.ปากพะยูน แต่ไม่สามารถให้การได้โดยให้การวกวนถาม-ตอบไม่รู้เรื่อง พงส.ฯจึงได้ทำหนังสือส่งตัวผู้ต้องหาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล สงขลาราชนครินทร์
อ.เมือง จว.สงขลา เพื่อรักษาอาการป่วย จะได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป  เหตุเกิด   ที่ถนนข้างอ่างเก็บน้ำ 
ม.4  ต.ปากพะยูน  อ.ปากพะยูน  จว.พัทลุง ( นายบุญนำพร    แสงมณี  อายุ 46 ปี อยู่ บ.180  ม.4
 ต.ปากพะยูน  อ.ปากพะยูน  จว.พัทลุง  ผู้ต้องหา )             

เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2552   เวลาประมาณ  01.30  น. ขณะที่ นายรณสิทธิ์  เพ็งแก้ว กับพวก  มีนาย พงศธร  ทองขุนดำ ,นายโกศล  รงค์เรือง, ได้ไปเที่ยวที่ร้านมันนี่ผับเขตเทศบาลเมืองพัทลุง หลังจากร้านปิดให้การบริการ  จึงได้ขับขี่รถจยย.กลับบ้าน ที่ อ.ควนขนุน ฯ ไปตามถนนไชยบุรี ถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายขับขี่รถจยย.ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ซ้อนท้ายกันจำนวน 4 คน ขับตามประกบรถจยย.ของ นายรณสิทธิ์ ฯ หนึ่งในคนร้ายได้ใช้เท้าถีบรถของ นายรณสิทธิ์ฯ ล้ม และคนร้ายได้ลงจากรถจยย.ใช้ไม้ท่อนทุบตี นายรณสิทธิ์ ฯ ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ แล้วคนร้ายได้ขับรถจยย.หลบหนีไป
เหตุเกิดที่  ถนนไชยบุรี ม.7  ต.ปรางหมู่  อ.เมือง  จว.พัทลุง    

เมื่อวันที่ 28  ส.ค. 2552  เวลาประมาณ 23.30  น. ขณะที่ นายเอกพล หรือโผน 
ทองไสย  กำลังเล่นสนุกเกอร์อยู่กับ นายเกรียงไกร  พรหมแทนสุด และ อส.พท.อรรณพ  สุขสงวน 
ได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อ จำนวน ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิง นายเอกพล ฯ จำนวนหลายนัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส นายเกรียงไกรกับพวก ได้นำตัวนายเอกพล ฯ ส่งรพ.ป่าพะยอม  และเสียชีวิตในเวลาต่อมา  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป  จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน  2  หัว   เหตุเกิด  บ้านเลขที่ 221  ม.2  ต.ป่าพะยอม  อ.ป่าพะยอม               

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ นาย เสือ  จันทรโชติ  พร้อมด้วย นายสัมภาส  เกื้อเส้ง  นายก อบต.ตำนาน  ได้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า  วีโก้  สีดำ  4  ประตู  ทะเบียน กท 4676  ภูเก็ต  โดย นายสัมภาส ฯ เป็นผู้ขับขี่ไปตามถนนสายท่าแค- ตำนาน  ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวน  ใช้รถยนต์กระบะ ยังไม่แน่ชัดว่า เป็นสีนำเงินหรือเขียว  ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน  ขับตามประกบแล้วใช้อาวุธปืนยาวไม่ทราบชนิดใดยิงใส่รถของ นายเสือ ฯ กับนายสัมภาส ฯ ติดต่อกันหลายนัด กระสุนปืนถูก นายเสือ ฯ ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ  ส่วนนายสัมภาส ฯ ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บสามารถลงจากรถวิ่งหลบหนีไปได้ และรักษาตัว ที่รพ.พัทลุง  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป  ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน  5  ปลอก  สาเหตุน่าจะมาจากความขัดแย้งในเรื่องส่วนตัว  

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ ทวี  พรมบุญแก้ว  อายุ 36 ปี อยู่ บ.159  ม.7  ต.เขาชัยสน  อ.เขาชัยสน  จ.พัทลุง  อาชีพทำสวนยางพารา ได้ขับขี่รถจยย.ออกจากบ้านเพื่อไปกรีดยางพารา  ไปตามถนนสาย กม.42 – น้ำตกไพรวัลย์ ม.7  ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน ฯ ได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อ  จำนวน  2  คน  ขับขี่รถจยย.ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ไล่ติดตาม นายทวี ฯ ถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงคราม  เอ็ม.16 ยิงนายทวี ฯ ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ   เหตุเกิดที่บนถนนสาย กม.42-น้ำตกไพรวัลย์  ม.7  ต.เขาชัยสน
อ.เขาชัยสน  จว.พัทลุง

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ  ขณะที่ นาย ปรีชา  แก้วจันทร์  อายุ  52  ปี อยู่ บ.213  ม.8  ต.ทุ่งนารี  อ.ป่าบอน ขวงพัทลุง  ขับขี่รถจยย.ออกจากบ้านไปทำสวนยางพารา  ต่อมาขณะที่ได้ขับขี่รถจยย.กลับบ้านมาตามถนนลูกรังสายชลประทาน  ม.8  อ.ทุ่งนารี  อ.ป่าบอน  จว.พัทลุง  ได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนใช้ไม้ทุบตีและอาวุธมีดแทงทำร้าย นายปรีชา ฯ ถึงแก่ความตาย  แล้วหลบหนีไป  ที่เกิดเหตุพบไม้ท่อนยาวประมาณ 1 เมตร  จำนวน 7 ท่อน  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป  เหตุเกิดที่ บนถนนลูกรังสายชลประทาน ม.8  ต.ทุ่งนารี  อ.ป่าบอน  จว.พัทลุง             

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีคนถูกยิงถึงแก่ความตาย  หลังจากรับแจ้งเหตุได้ออกไปที่เกิดเหตุพบ  นาย พิชษฐ์    เกตุแดง อายุ  25  ปี  อยู่ บ.77  ม.4
ต.พญาขัน อ.เมือง จว.พัทลุง   ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด จำนวน 4-5 นัด นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจยย.(สามล้อพ่วงข้าง)  ส่วนคนร้ายๆได้หลบหนีไป ง      

ตามวันเวลาเกิดเหตุ นายปุณศักดิ์  หรืออรรถพล  ลายทิพย์  อายุ 18 ปี อยู่ บ.41/2  ม.7  ต.โคกชะงาย   อ.เมือง ฯ ได้ออกจากบ้านไปกับบิดา  ระหว่างได้แยกทางไปเพียงผู้เดียว โดยบอกบิดาว่าจะไปหาเพื่อน  ต่อมาเมื่อ 29  ก.ค.2552  ได้มีชาวบ้านที่ออกไปหาของป่าได้พบศพ นายปุณศักดิ์ ฯ มีบาดแผลถูกแทงด้วยของด้วยของแข็งปลายแหลมมีคมตามร่างกาย จำนวน 18 แผล  และที่ลำคอมีบาดแผลถูกเชือดด้วยของมีคม  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป   

เมื่อ  30   ก.ค. 2552  เวลาประมาณ 14.00  น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า พบศพที่อ่างเก็บน้ำป่าพะยอม  (บ้านวังเลน) จึงได้ไปยังสถานที่เกิดเหตุ พบศพชายไทย ไม่ทราบชื่อ  สภาพเน่าเปื่อน                        จำลักษณะใบหน้าไม่ได้ สันนิษฐานว่าได้เสียชีวิตมานานหลายวันแล้ว  ศพอยู่ในช่องระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำป่าพะยอม(บ้านวังเลน) จึงได้ร่วมกับแพทย์ รพ.ป่าพะยอม  ทำการชั้นพลิกสูตรศพ และได้นำศพไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.สงขลานครินทร์  เหตุเกิดที่ อ่างเก็บน้ำป่าพะยอม (บ้านวังเลน) ม.6  ต.เกาะเต่า  อ.ป่าพะยอม  จว.พัทลุง  จากการสืบสวนเบื้องต้น ญาติของ ด.ต.โกวิทย์  แป้นย้อย  ให้การยืนยันว่า เสื้อและกางเกงของผู้ตายเป็นของ ด.ต.โกวิทย์ฯ  ซึ่งได้หายออกจากบ้านพักไปเมื่อ  20  ก.ค. 52  ซึ่งด.ต.โกวิทย์ ฯ รับราชการเป็นตำรวจ  สังกัด สภ.ป่าพะยอม  ตำแหน่ง  ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม  ทำหน้าที่สืบสวน  ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ยืนยันสารพันธุกรรม (DNA)  กับบุตร   เหตุเกิดที่อ่างเก็บน้ำป่าพะยอม  (บ้านวังเลน)  ม.6  ต.เกาะเต่า  อ.ป่าพะยอม  จว.พัทลุง

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ นาย ไพฑูรย์  ยกพรหม  อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19  ม.2  ต.ป่าบอน  อ.ป่าบอน  จว.พัทลุง  อาชีพทำสวนยางพารา  ได้ขับรถจยย.ออกจากบ้านแต่เพียงผู้เดียวเพื่อไปทำการกรีดยางพารา ต่อมาเวลาประมาณ 00.30 น.ของวนที่ 14 มิ.ย. 2552  เมื่อถึงสวนยางพาราได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนใช้อาวุธปืนยิง นายไพฑูรย์ ฯ ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ แล้วหลบหนีไป  จากการชันสูตรพลิกศพพบลูกกระสุน จำนวน1ลูก ถูกที่ ศีรษะ นายไพฑูรย์ ฯ      

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ นาย เอกณรงค์  เลื่อนแก้ว ขับขี่รถจยย.โดยมี นาย กรวิทย์  สังข์มาก และนายสมใจ  นวลสกุล อายุ  33 ปี อยู่ บ. 164  ม.10 ต.ชุมพล  อ.ศรีนครินทร์  จว.พัทลุง  นั่งซ้อนท้ายกัน ออกจากร้านอะคูสติกผับริมถนนไชยบุรี ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนชนิดลูกซองยิงใส่ จำนวน 1 นัด กระสุนถูก นาย กรวิทย์ ฯ และ  กับพวก ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.พัทลุง  ต่อมา
นาย กรวิทย์ และนายเอกณรงค์ ฯ ได้เสียชีวิต ในที่เกิดเหตุพบหมอนรองกระสุนพลาสติกของกระสุนปืนลูกซอง 1 อัน ตกอยู่ ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ นายพล เหล่าทอง พร้อมด้วย นาง นิภา  นาคจันทร์  ภรรยา  กำลังจะขับขี่รถจยย. ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่โรงฆ่าสัตว์ โดยนาพล ฯ กำลังนั่งคร่อมอยู่บนรถจยย.ที่หน้าบ้าน ส่วนนางนิภา ฯ กำลังปิดประตูบ้าน ได้มีคนร้าย จำนวน 1 คน  เข้ามาบริเวณหน้าบ้าน แล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายพล ฯ จำนวน 1 นัด ถึงแก่ ความตายในที่เกิดเหตุ  ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป

.

ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ผู้ตายขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีแดง หมายเลขทะเบียน กง.9786 นครศรีธรรมราช เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบชื่อ และจำนวน ใช้อาวุธปืนขนาด .45 ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ แล้วคนร้ายหลบหนีไป

นายสุรินทร์ ปานเพชร (เสียชีวิต)